ไขข้อข้องใจ หากรัฐบาลขยายเวลาพรก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน ถึง สิ้นเดือนกรกฎาคม 2563 ยังมีข้อกำหนด ข้อห้ามอะไรบ้างที่ยังไม่ได้รับการผ่อนปรน คลายล็อกดาวน์ หากฝ่าฝืนมีโทษอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี่
กรณีคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ที่มีพล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นประธานได้มีมติให้ขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2563 โดยจะเสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. ชุดใหญ่ พิจารณาในวันที่ 29 มิถุนายน 2563
จากการตรวจสอบของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่า ภายหลังรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ตามพรก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 นั้นรัฐบาลได้ออก ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548(ฉบับที่ 1) มีคำสั่งและข้อห้ามที่สำคัญ ดังนี้
- ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่หรือสถานที่ซึ่งมีความเสี่ยง ต่อการติดต่อเชื้อโรคโควิด-19
- ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดต่อโรค
- ปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ในการใช้ยานพาหนะไม่ว่าจะเป็นอากาศ ยาน เรือ รถยนต์ หรือพาหนะอื่นใด หรือในการใช้เส้นทางคมนาคมไม่ว่าทางอากาศ ทางน้ํา หรือทางบก เพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
- ห้ามกักตุนสินค้า ห้ามผู้ใดกักตุนสินค้าซึ่งเป็นยา เวชภัณฑ์ อาหาร น้ำดื่ม หรือสินค้าอื่นที่จําเป็นต่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจําวัน
- ห้ามชุมนุม ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทํากิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทําการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
- ห้ามการเสนอข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) อันไม่เป็นความจริงและอาจทําให้ ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารดังกล่าวอันทําให้เกิดความเข้าใจผิด
- ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือยานพาหนะ
- บทลงโทษผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษตามมาตรา 18 แห่งพรก.ฉุกเฉิน จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ หรือมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน140,000หรือทั้งจําทั้งปรับ แล้วแต่กรณี
ต่อมาในวันที่ 2 เมษายน 2563 ได้มีการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลใดทั่วรำชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา22.00 น. ถึง 04.00น. ของวันรุ่งขึ้น ด้วยการออกข้อกำหนดออกตามควมในมาตรา 9 แห่งพรก.ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 2)
จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า หลังจากมีการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน และประกาศเคอร์ฟิวแล้ว รัฐบาลได้แก้ไขเปลี่ยนแปลง ผ่อนคลายล็อกดาวน์ ข้อกำหนดตามประกาศพรก.ฉุกเฉินมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 ศบค.มีมติยกเลิกเคอร์ฟิว เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เป็นต้นมา แต่ยังคงควบคุมการเดินทางเข้าประเทศ ทั้งทางบก น้ำ อากาศ พร้อมให้ผ่อนคลายล็อกดาวน์ ระยะที่ 4 ในกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิต กิจกรรมด้านออกกําลังกาย การดูแลสุขภาพหรือสันทนการ โดยเน้นย้ำให้ทุกกิจการ กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายปฏิบัติตามมาตรการควบคุมอย่างแคร่งครัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อห้ามสำคัญตามข้อกำหนดที่ยังไม่ผ่อนปรน มีดังนี้
- การปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ในการใช้ยานพาหนะไม่ว่าจะเป็นอากาศ ยาน เรือ รถยนต์ หรือพาหนะอื่นใด หรือในการใช้เส้นทางคมนาคมไม่ว่าทางอากาศ ทางน้ำ หรือทางบก เพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเรื่องนี้จะมีการเสนอให้ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาผ่อนคลายมาตรการในวันที่ 29 มิถุนายนนี้
- การห้ามกักตุนสินค้า ห้ามผู้ใดกักตุนสินค้าซึ่งเป็นยา เวชภัณฑ์ อาหาร น้ำดื่ม หรือสินค้าอื่นที่จําเป็นต่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจําวัน
- การห้ามชุมนุม ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทํากิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทําการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
- ห้ามการเสนอข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) อันไม่เป็นความจริงและอาจทําให้ ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารดังกล่าวอันทําให้เกิดความเข้าใจผิด
- การปิดสถานที่เสี่ยงทีผ่านมามีการผ่อนคลายเป็นระยะๆ อยู่ระหว่างการผ่อนคลายกิจการธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงมาก เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะ และอาบอบนวด ซึ่งจะมีการเสนอให้ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่พิจารณาในวันที่ 29 มิถุนายน 2563
หมายความว่าผู้ที่ฝ่าฝืนข้อห้ามที่ยังไม่ไม่ได้รับการผ่อนคลาย ผ่อนปรนล็อกดาวน์ จะมีโทษตามมาตรา 18 แห่งพรก.ฉุกเฉิน จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ หรือมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน140,000หรือทั้งจําทั้งปรับ แล้วแต่กรณี เพราะบทกำหนดโทษดังกล่าวยังไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
อีกคำสั่งที่สำคัญหลังรัฐบาลประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน คือ ประกาศเรื่องการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรี ตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี มีสาระสำคัญคือ โอนอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย หรือที่เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายหรือที่มีอยู่ตามกฎหมาย 40 ฉบับ มาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ ฟื้นฟูหรือช่วยเหลือประชาชน ตรวจสอบรายละเอียดที่นี่ คลิก
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศฉบับดังกล่าว ทำให้การใช้อำนาจตามกฎหมายทั้ง 40 ฉบับ ยังเป็นของนายกรัฐมนตรี
รายละเอียด ประกาศ คำสั่ง ที่เกี่ยวข้องกับการประกาศพรก.ฉุกเฉินทั้งหมด ได้ที่ สำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 (ศบค.) คลิก
ขอบคุณข้อมูล สำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 (ศบค.)
"ความหวาดกลัว" - Google News
June 26, 2020 at 03:42PM
https://ift.tt/2A5Pe7p
อัพเดท "พรก.ฉุกเฉิน" ยังห้ามทำอะไรบ้าง ฝ่าฝืนมีโทษอย่างไร ตรวจสอบที่นี่ - ฐานเศรษฐกิจ
"ความหวาดกลัว" - Google News
https://ift.tt/2XpGqCo
No comments:
Post a Comment