Pages

Thursday, October 1, 2020

คอลัมน์โลกธุรกิจ - ครูลงโทษเด็ก - naewna.com

hitagajah.blogspot.com

ข่าวครูลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุพาดหัวข่าวว่า “ครูใจยักษ์” “ครูใจร้าย”ปรากฏให้เห็นตามสื่อต่างๆ อยู่บ่อยครั้งเมื่อมีข่าวนี้ทำให้ผู้ปกครองหลายรายต่างวิตกกังวลว่า บุตรหลานของตนถูกลงโทษเกินกว่าเหตุหรือไม่ ไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นครั้งไหน ทุกคนต่างขอให้เหตุการณ์นั้นเป็นครั้งสุดท้าย แต่หลังจากนั้นไม่นาน จะมีเหตุการณ์แบบนั้นอีก ความรุนแรงมากน้อยต่างกันไป

สัปดาห์ที่ 4 ของเดือนกันยายน พ.ศ. 2563 มีการนำเสนอข่าวครูโรงเรียนเอกชนชื่อดังอำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่ตัวเองสอนอยู่ จนเด็กๆหวาดกลัว ไม่กล้าไปโรงเรียนผู้ปกครองหลายคนจึงเกิดความสงสัยว่า ทำไมบุตรหลานมีบาดแผลฟกช้ำ อีกทั้งยังละเมอ ตื่นขึ้นกลางดึก ท่าทางหวาดกลัว จึงได้รวมตัวกันไปขอตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในห้องเรียน และพบว่า ครูได้กระทำทารุณกรรมเด็กรูปแบบต่างๆ เช่น ใช้ไม้กวาดตีเด็ก ผลักให้เด็กล้มลงกับพื้น จับหัวดึงผม โขกหัวเด็ก ฟาดหลังเด็กลากเด็กไปห้องน้ำ ป้ายยาดมใส่ตาเด็กจนมีการแจ้งความดำเนินคดีครูในคลิป ที่สถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี


ครูที่ปรากฏในคลิป คือ ครูจุ๋มมีฐานะเป็นครูผู้ช่วยบางสื่อหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า “ครู” จึงเรียกว่า “น.ส.จุ๋ม” แทน คงเป็นเพราะ ครู คือ แม่พิมพ์ของชาติ แต่สำหรับครูจุ๋มคงไม่ใช่ เพราะสิ่งที่น.ส.จุ๋ม กระทำต่อเด็กทารุณและโหดร้ายพ่อแม่เด็กเผยว่า พฤติกรรมลูกเปลี่ยนไป จากเด็กร่าเริง ช่างพูดช่างคุยกลายเป็นเด็กอารมณ์ร้าย ชอบตะคอก ชอบโยนของแล้วชี้นิ้วสั่งให้ไปเก็บ ง้างมือจะตีพ่อแม่

พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกน.ส.จุ๋ม รับทราบ ข้อกล่าวหา กรณีทำร้ายร่างกายนักเรียนชั้นอนุบาลกว่า10 คน ขณะนี้ 3 ข้อหา ได้แก่ 1.ทำร้ายร่างกาย 2.กักขังหน่วงเหนี่ยว 3.พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ซึ่งหากระหว่างทำการสอบสวนและพบว่าการกระทำของน.ส.จุ๋ม ผิดกฎหมายอื่นด้วย พนักงานสอบสวนสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ ซึ่งการกระทำของน.ส.จุ๋มอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 เนื่องจากเด็กยังเป็นเยาวชนการที่พนักงานสอบสวนจะพูดคุยต้องมีสหวิชาชีพ 4 ฝ่ายเข้าร่วมด้วย ได้แก่ อัยการ พนักงานสอบสวน นักสังคมสงเคราะห์ และนักจิตวิทยา ทั้งคงต้องรอระยะเวลาสักพัก เพราะสภาพจิตใจเด็กๆ ยังอยู่ในสภาวะหวาดกลัว ต้องให้นักจิตวิทยาช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ

คลิปที่น.ส.จุ๋ม ทำร้ายร่างกายเด็ก มีการส่งต่อหรือแชร์กันในโลกออนไลน์ มีไม่ต่ำกว่า 10 คลิป สร้างความหดหู่ใจยิ่งนัก คลิปเหล่าถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะเอาความผิดแค่น.ส.จุ๋ม แต่บุคคลที่ปรากฏในคลิปที่เด็กๆเรียกว่าครู ได้แก่ ครูประจำชั้น, ครูชาวฟิลิปปินส์, ครูศิลปะที่พากันยืนดูพฤติกรรมที่น.ส.จุ๋ม กระทำต่อเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่กลับไม่ห้ามปรามอย่างใด ถือว่ามีความผิดฐานละเว้นให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกระทำ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 374 ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิตซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่นแต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ) ทั้งถือได้ว่าเป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนสำหรับครูชาวฟิลิปปินส์นอกจากจะปรากฏว่าทำร้ายเด็กแล้วยังพบว่า ถือวีซ่านักท่องเที่ยว แต่กลับมาสอนหนังสือมีความผิดทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ตามพ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560

แม้ขณะนี้ ทางโรงเรียนได้ให้บุคคลที่ปรากฏคลิปออกจากการเป็นครูแล้วโรงเรียนเอกชนแห่งนี้ถือว่าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง แต่ทำไมผู้บริหารโรงเรียนกลับปล่อยให้มีเรื่องเช่นนี้ทำไมไม่ดูกล้องวงจรปิดอย่างสม่ำเสมอ คงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้

ทางกระทรวงศึกษาธิการควรเอาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้อีก เป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควรอย่างยิ่งที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโรงเรียน พร้อมแจ้งความเอาผิดผู้บริหารและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทุกข้อหาอย่างถึงที่สุด รวมถึงการตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับการจ้างครู และการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนของทางโรงเรียนทั้งหมดว่าถูกต้องตามระเบียบของทางกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่ใบประกอบวิชาชีพเลขที่เท่าไหร่และหมดอายุเมื่อไหร่ คนที่จะมาเป็นครูผู้สอนจะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูที่ออกโดยคุรุสภา และต้องมีจิตวิทยาในการสอนเด็ก เบี่ยงเบนความสนใจของเด็ก แทนการบังคับขู่เข็ญ ถ้าไม่มีถือว่าเป็นครูเถื่อน มีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามพ.ร.บ.ครุสภาและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 เชื่อว่าหลายโรงเรียนมีการจ้างครูโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

ในอดีตทั้งผู้ปกครองและครูจะนำสุภาษิต “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” เป็นแนวปฏิบัติ มีการลงโทษตามร่างกายได้ตามเหตุผลอันสมควร ผู้คนที่อายุ 40-50 ปี ขึ้นไป จำนวนไม่น้อยที่คงได้สัมผัสกับรสชาติของไม้เรียวทั้งบ้านและโรงเรียนต่างมีไม้เรียวติดไว้การถูกลงโทษด้วยไม้เรียวดูจะเป็นเรื่องปกติในสมัยนั้น ครูส่วนมากจะมีไม้เรียวเป็นของตนเอง บางคนอาจใช้บ่อยจนไม้เรียวหักนอกจากการตีแล้ว ยังมีการลงโทษแบบต่างๆ เช่น ปั่นจิ้งหรีด เดินเป็ด ขนมจีบ คาบไม้บรรทัด โดนขว้างด้วยแปรงลบกระดาน วิ่งรอบสนาม ยืนหน้าเสาธง ล้างห้องน้ำ มักจะมีการลงโทษในที่แจ้ง เพื่อให้เกิดความอับอายและไม่กล้าทำผิดอีก

การลงโทษนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมีจุดประสงค์หลัก เพื่อให้นักเรียนที่ถูกครูลงโทษหลาบจำ และไม่ทำพฤติกรรมเช่นนั้นอีก โดยต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ถูกต้องดีงามตามที่สังคมกำหนด มายุคสมัยนี้ ผู้คนจะเคารพต่อสิทธิมนุษยชนมากขึ้นการลงโทษโดยการตี ถูกมองว่าเป็นการทำร้ายร่างกายและจิตใจ ทำให้นักเรียนเก็บกด ส่งต่อความรุนแรงให้ผู้อื่นโดยเฉพาะกับเด็กอนุบาล ยิ่งไม่สมควร ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2548 กำหนดให้การลงโทษเด็กทำได้แค่ 4 สถาน เท่านั้น คือ 1.ว่ากล่าวตักเตือน 2.ทำทัณฑ์บน3.ตัดคะแนนความประพฤติ และ 4.ทำกิจกรรมเพื่อปรับพฤติกรรม

การเขียนเสือให้วัวกลัวใช้ไม่ได้กับยุคปัจจุบัน คงถึงเวลาที่จะต้องเชือดไก่ให้ลิงดูแล้ว เพื่อเป็นมาตรฐานให้กับโรงเรียนเอกชนทุกแห่งทั่วประเทศครูคือแม่พิมพ์ของชาติ ส่วนเด็กในวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า ทั้งครูและเด็กต่างมีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศ ปัญหานี้ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน อย่าปล่อยให้เนื้อร้ายกลายเป็นมะเร็ง

Let's block ads! (Why?)



"ความหวาดกลัว" - Google News
October 02, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/2SuUSpv

คอลัมน์โลกธุรกิจ - ครูลงโทษเด็ก - naewna.com
"ความหวาดกลัว" - Google News
https://ift.tt/2XpGqCo

No comments:

Post a Comment