น.ส.วลิดา เปิดเผยว่าตนทำธุรกิจนำเข้าเครื่องจักร เมื่อประมาณปี 2560 นายยู่ หง หวง เพื่อนนักธุรกิจชาวจีน ขาดสภาพคล่องทางการเงินจึงมาขอความช่วยเหลือ ตนจึงแนะนำให้ไปกู้เงินจากอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.) แห่งหนึ่ง เป็นเงินจำนวนเงิน 5.5 ล้านบาท โดยเสียดอกเบี้ยในอัตรา 2.5 % ต่อเดือน และจ่ายดอกเบี้ยเรื่อยมาไม่เคยขาด ต่อมาเพื่อนนักธุรกิจชาวจีนเดินทางกลับประเทศและยังไม่สามารถกลับเข้ามาในไทยได้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ก็ยังติดต่อทำการค้าและพูดคุยกันอยู่ตลอด
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 เวลาประมาณ17.00 น. ขณะที่ตนเองกำลังใช้บริการอยู่ที่ร้านเสริมสวย อดีตนักการเมืองท้องถิ่นคนดังกล่าวนี้ได้เข้ามาในร้าน พร้อมยื่นเอกสารให้ตนเองเซ็นรับสภาพหนี้ที่เพื่อนกู้ไว้ ตนพยายามอธิบายว่าไม่ใช่คนกู้เงิน และยืนยันว่ายังติดต่อกับเพื่อนชาวจีนอยู่ตลอด และเขาพร้อมจะใช้หนี้ ไม่ได้หนีไปไหน แต่อดีตนักการเมืองท้องถิ่นเอะอะโวยวายไม่ฟังคำอธิบาย พร้อมชักอาวุธปืนลูกโม่ขึ้นมาตบเข้าที่ใบหน้าของตน 2 ครั้ง ชกใส่หน้าอีก 1 ครั้ง จนจมูกที่เสริมมาเบี้ยว หน้าผากเป็นแผลแตก ตาซ้ายบวม ระหว่างนั้นนายประสิทธิ์ สามีเข้ามาห้ามปราม นักการเมืองคนดังกล่าวจึงออกจากร้านไป
น.ส.วลิดา กล่าวด้วยว่าหลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีและเข้ารักษาบาดแผลที่ รพ.กระทุ่มแบน แต่คดีไม่มีความคืบหน้าและยังถูกโทรศัพท์ข่มขู่ทวงหนี้ไม่เว้นวัน จนรู้สึกหวาดกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยและไม่ได้รับความยุติธรรม
ขณะที่ทนายรณณรงค์ กล่าวว่าต้องเข้าไปดูรายละเอียดในพื้นที่ว่ามีข้อติดขัดอย่างไร หากพบว่ามีอิทธิพลในพื้นที่อาจขอให้ส่งเรื่องไปยังกองบังคับการปราบปราม เบื้องต้นอาจต้องดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และก็เรื่องของการข่มขู่ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ส่วนกรณีการกู้ยืมเงินหากเราไม่ได้เป็นคนเซ็นกู้หรือเซ็นค้ำประกัน ก็ไม่มีเหตุให้ต้องรับผิดชอบ
"ความหวาดกลัว" - Google News
September 01, 2020 at 06:28PM
https://ift.tt/2DhQXbo
คดีไม่คืบ-กลัวไม่ปลอดภัย สาวนักธุรกิจร้องทนายช่วย - ช่อง 7
"ความหวาดกลัว" - Google News
https://ift.tt/2XpGqCo
No comments:
Post a Comment